การตรวจหลอดเลือดสมองด้วยเทคโนโลยี Bi-plane Angiography
ช่วยรักษาโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างแม่นยำและปลอดภัย
อ.นพ.บุญฤกษ์ แสงเพชรงาม
ภาควิชารังสีวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล
โรคหลอดเลือดสมอง เป็นหนึ่งในโรคที่อันตรายที่สุดและเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตหรือภาวะทุพพลภาพในผู้ป่วยจำนวนมาก โรคที่เกี่ยวข้อง เช่น
• หลอดเลือดสมองโป่งพอง (Cerebral Aneurysm) ซึ่งอาจแตกและทำให้เกิดเลือดออกในสมอง
• หลอดเลือดสมองอุดตัน (Ischemic Stroke) ที่ทำให้สมองขาดเลือดและเกิดอาการอัมพฤกษ์อัมพาต
• หลอดเลือดสมองตีบ (Carotid Stenosis) ซึ่งจำกัดการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง
ด้วยความก้าวหน้าทางการแพทย์ เทคโนโลยี Bi-plane Digital Subtraction Angiography (DSA) จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อช่วยให้แพทย์สามารถตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยมีเทคโนโลยี 3D Angiography และ Fusion Imaging ช่วยผสานภาพจาก CT หรือ MRI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษา
การตรวจหลอดเลือดสมองแบบ Bi-plane คืออะไร?
การตรวจแบบ Bi-plane DSA คือการใช้เครื่องถ่ายภาพหลอดเลือดสมองที่สามารถถ่ายภาพได้ 2 มุมพร้อมกัน (เช่น มุมหน้า-หลัง และมุมข้าง) ซึ่งช่วยให้แพทย์เห็นโครงสร้างของหลอดเลือดได้ชัดเจนโดยไม่ต้องปรับมุมกล้องไปมา จุดเด่นของเทคโนโลยีนี้ ได้แก่:
• ภาพคมชัดและรวดเร็ว: ช่วยลดเวลาการตรวจและเพิ่มความแม่นยำ
• ลดการใช้สารทึบแสง: ผู้ป่วยได้รับสารทึบแสงในปริมาณที่น้อยลง
• ลดปริมาณรังสี: ทำให้การตรวจปลอดภัยยิ่งขึ้น ทั้งสำหรับผู้ป่วยและทีมแพทย์
นอกจากนี้ยังสามารถทำ 3D Rotational Angiography โดยหมุนแขนกลรอบศีรษะผู้ป่วย เก็บภาพหลายมุมและนำมาประมวลผลจนได้ภาพสามมิติ ซึ่งเผยให้เห็นตำแหน่งและลักษณะทางกายวิภาคของหลอดเลือดสมองได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
Fusion Imaging: การผสานภาพเพื่อการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น
Fusion Imaging คือการนำภาพหลอดเลือดจากการตรวจ DSA มาซ้อนทับกับภาพสมองจากเครื่อง CT หรือ MRI เพื่อให้แพทย์เห็นทั้งหลอดเลือดและเนื้อสมองในภาพเดียว เช่น
• หลอดเลือดผิดปกติที่อยู่ใกล้กับเนื้อสมอง
• หลอดเลือดที่ตีบแคบ
• ตำแหน่งของหลอดเลือดโป่งพองที่เป็นสาเหตุของเลือดออกในสมอง
การผสานภาพแบบนี้ช่วยให้แพทย์เข้าใจปัญหาหลอดเลือดได้ลึกซึ้งและวางแผนการรักษาได้อย่างปลอดภัยและตรงจุด
โรคที่สามารถตรวจและรักษาได้ด้วยเทคโนโลยีนี้
1. โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Cerebral Aneurysm)
หลอดเลือดสมองโป่งพองอาจแตกและทำให้เกิดเลือดออกในสมองได้ แพทย์สามารถใช้ภาพจาก Bi-plane และ Fusion Imaging เพื่อวางแผนใส่ขดลวดอุดโป่งพองได้อย่างแม่นยำ
2. ภาวะหลอดเลือดสมองอุดตัน (Stroke)
เมื่อหลอดเลือดสมองอุดตันทำให้สมองขาดเลือด แพทย์สามารถใช้เครื่องนี้เพื่อตรวจหาตำแหน่งที่อุดตันและทำหัตถการ เช่น การดูดลิ่มเลือดออกได้ทันที
3. หลอดเลือดสมองตีบ (Carotid Stenosis)
การตีบของหลอดเลือดที่คอซึ่งส่งเลือดไปเลี้ยงสมองอาจทำให้สมองขาดเลือด เทคโนโลยีนี้ช่วยให้แพทย์วางแผนขยายหลอดเลือดได้อย่างปลอดภัย
4. ความผิดปกติของหลอดเลือดแดงและดำ (AV Fistula)
เป็นการเชื่อมต่อผิดปกติระหว่างหลอดเลือดแดงกับหลอดเลือดดำ ซึ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดผิดปกติ เทคโนโลยีนี้ช่วยระบุตำแหน่งหลอดเลือดผิดปกติและวางแผนปิดการเชื่อมต่อได้อย่างแม่นยำ
ประโยชน์สำหรับผู้ป่วย
• แม่นยำ: การวางแผนรักษาทำได้ตรงจุด ลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาด
• ฟื้นไว: การตรวจและรักษาใช้เวลาน้อยลง ส่งผลให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
• ไร้แผล: กระบวนการตรวจและรักษาเป็นการทำหัตถการผ่านสายสวน จึงไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ลดความเจ็บปวดและภาวะแทรกซ้อน
เทคโนโลยี Bi-plane DSA และ Fusion Imaging คือความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่ช่วยให้แพทย์วินิจฉัยและรักษาโรคหลอดเลือดสมองได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสฟื้นตัวของผู้ป่วย การถ่ายภาพสองระนาบและการผสานภาพช่วยให้แพทย์มองเห็นหลอดเลือดและเนื้อสมองในภาพเดียว ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน และทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้น