ถอดแนวคิดความสำเร็จ Teamwork ที่ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง

กับ รศ. นพ.พิทยา ด่านกุลชัย
รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช
และหัวหน้าสาขารังสีรักษา ภาควิชารังสีวิทยา

ในโลกที่มีเทคโนโลยีใหม่ๆเกิดขึ้นในทุกวัน แน่นอนว่าทีมเป็นสิ่งสำคัญที่จะนำพาไปสู่ความสำเร็จ ที่เราต้องกล้าก้าวขึ้นมาอยู่ข้างหน้า และเป็นผู้นำเทรนด์สร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ยกระดับการแพทย์ไทยสู่สากล หากแต่ทุกสิ่งล้วนเกิดขึ้นได้หากเราเริ่มลงมือทำ แน่นอนว่าความสำเร็จอาจไม่ใช่เพียงแค่รางวัล แต่มันคือการที่เราได้ทำตามฝันของตัวเอง ฉบับนี้เรามีโอกาสได้พูดคุยกับ รศ. นพ.พิทยา ด่านกุลชัย รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลศิริราช ผู้บริหารที่มีมุมมองชีวิตที่น่าสนใจมาสร้าง
แรงบันดาลใจปลุกไฟในตัวคุณ

1. เส้นทางการทำงาน
หลังจากที่เรียนจบแพทย์ศิริราช รุ่นที่ 106 ก็ได้ไปใช้ทุนที่ จ.ระนอง ซึ่งระหว่างนั้นก็ค้นพบตัวเองว่า การเป็นแพทย์เฉพาะทางรักษามะเร็งน่าจะตอบโจทย์กับเรามากที่สุด ก็เลยกลับมาเรียนต่อเป็นแพทย์ประจำบ้านที่ศิริราช เป็นระยะเวลา 3 ปี และต่อมาก็เป็นอาจารย์และไปเรียนต่อเฉพาะทางที่ประเทศออสเตรีย 1 ปี และประเทศอังกฤษอีก 1 ปี ปัจจุบันเป็นแพทย์รังสีรักษาเป็นเวลากว่า 18 ปี

2. Best Practice ของรังสีรักษาคืออะไร
ความร่วมมือในการทำงานเป็นทีมเพื่อพัฒนาศักยภาพของเครื่องฉายรังสี และด้วยเทคนิคของเครื่องฉายรังสีนั้น พัฒนาไปตามเทคโนโลยีต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเรามีเทคโนโลยีทางการแพทย์และอุปกรณ์ที่ทันสมัยนั้น การทำงานเป็นทีมจึงมีส่วนสำคัญ ซึ่งเราควรร่วมกันพัฒนาเป็นทีมร่วมกัน เพราะการรักษาคนไข้หนึ่งคน หมอคนเดียวไม่สามารถทำให้การฉายรังสีนั้นสำเร็จได้ จำเป็นต้องอาศัยทีมผู้เชี่ยวชาญจากแพทย์ นักฟิสิกส์การแพทย์ นักรังสีเทคนิค พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล รวมไปถึงคนไข้และครอบครัว ทุกคนช่วยกันทำให้การฉายรังสีของคนไข้นั้นสำเร็จได้ ด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยให้เกิดประโยชน์สูงสุด

3. ทำไมถึงเลือกเป็นหมอรักษาโรคมะเร็ง และความสุขของแพทย์รังสีรักษาคืออะไร
อย่างที่ทราบกันดีว่า การเป็นหมอรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งเป็นอะไรที่หดหู่ และเจอแต่ผู้ป่วยเสียชีวิต แต่นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราอยากมาเรียนเฉพาะทางในการรักษาผู้ป่วยมะเร็ง เพราะคิดว่าเราสามารถช่วยให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิตก่อนที่เขาจะจากโลกนี้ไป อย่างมีความสุข สงบ ไม่เจ็บปวดทรมาน นั่นเป็นความรู้สึกแรกที่เข้ามาเรียน แต่เมื่อเรียนไปแล้วพบว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่ของมะเร็งที่หายขาดจากการรักษา ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด การฉายแสง หรือการให้ยา ซึ่งคนไข้ส่วนใหญ่อยู่กับหมอมะเร็ง ทำให้เราได้เห็นว่าคนไข้สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข แต่อีกกลุ่มหนึ่งที่ผู้ป่วยไม่ได้หายขาดจากโรค หรือเสียชีวิต ญาติผู้ป่วยหลายๆคน ที่กลับมาเจอผม แล้วบอกว่า ขอบคุณคุณหมอนะ ที่ทำให้ญาติของเขามีช่วงเวลาที่ดีที่สุดในระยะสุดท้าย ให้เขาได้จากไปอย่างสงบ ทำให้เราตกผนึกได้ว่า นี่แหละอาชีพหมอที่ไม่ได้เพียงรักษาให้โรคหายอย่างเดียว แต่ต้องรักษาผู้ป่วยที่เข้าสู่ระยะสุดท้าย ให้เขาได้จากไปอย่างสงบและมีความสุขด้วย

4. คำที่ทำให้การทำงานมีความสุข และประสบความสำเร็จ
ความสำเร็จไม่ใช่รางวัล แต่เป็นการที่เราได้ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดหรือสิ่งที่เราฝัน ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ ผมบอกกับนักศึกษาแพทย์เสมอว่า การที่เราจะทำงานหรือริเริ่มอะไรใหม่ๆ ความสำเร็จอาจไม่ใช่รางวัล สิ่งของหรือค่าตอบแทน แต่มันคือการที่คุณได้ทำตามความฝันของตัวเอง นั่นคือประสบความสำเร็จแล้ว อันนี้คือความสุขที่เกิดขึ้น ผมคิดว่าความสุขกับความสำเร็จคือสิ่งเดียวกัน ซึ่งมุมมองในการดำเนินชีวิตของผมก็คือ 1.การได้ทำตามความฝันของตัวเอง ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองคิดที่ตัวเองฝัน ได้เริ่มลงมือทำ 2.การสร้างทีมที่ดี หากเรามีทีมที่ทำงานไปด้วยกันและสุดท้ายมีคนที่จะสานต่องานไปเรื่อยๆ ส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้งานนั้นประสบความสำเร็จ 3. การมีคนที่เรารัก ครอบครัวสนับสนุน จะเป็นซัปพอร์ทเตอร์ที่ดี ทำให้เราทำงานได้อย่างมีความสุข

5. ประสบการณ์ที่ทำให้นึกถึงพระราชดำรัสสมเด็จพระบรมราชชนก
“True success is not in the learning , but in its application to the benefit of mankind”

ตั้งแต่ชีวิตการทำงานมา ก็เกิดการเรียนรู้ต่างๆ มากมาย ในช่วงที่เรียนต่อต่างประเทศก็มีโอกาสได้เรียนรู้กับศาสตราจารย์ และลงมือปฏิบัติในระบบคอมพิวเตอร์แต่อาจยังไม่ลงปฏิบัติจริงในผู้ป่วย หลังจากที่กลับมาเราก็อยากจะประสบความสำเร็จเหมือน ศาสตราจารย์ ที่เราได้ไปเรียนรู้มา ก็เริ่มต้นจากตัวเองก่อน แล้วพัฒนาต่อด้วยการสร้างทีม ลงมือปฏิบัติจริง เรียนรู้และพัฒนาไปพร้อมกัน มาประยุกต์ให้เข้ากับวัฒนธรรม สังคม สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรที่เรามีอย่างเหมาะสม รวมไปถึงสร้างคน ผลักดันน้องรุ่นใหม่ให้เกิดการเรียนรู้ไปด้วยกัน จนกระทั่งปัจจุบันเราเป็นศูนย์การเรียนรู้ของการใส่แร่สามมิติ Training Centre ของทั้งในประเทศและต่างประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

6. Role Model เรียนรู้จากคนต้นแบบ
เรียนรู้จาก Professor สองท่านที่ได้ไปศึกษาที่ต่างประเทศ ท่านแรกเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการใส่แร่มะเร็งปากมดลูก ท่านเป็นผู้ที่เฉียบขาด และมีวิสัยทัศน์ด้านงานวิจัยอย่างมาก เป็นแรงบันดาลใจให้เรายึดถือเป็นแบบอย่าง ส่วนอีกท่านนึง เป็นคนที่จิตใจดี เข้าถึงง่าย เป็นที่ปรึกษาที่ดี ทั้งสองท่านเป็นบุคคลต้นแบบที่เรานำสิ่งดีๆ เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้และพยายามที่จะผลักดันศิริราชให้เป็นศูนย์ Center of Excellence ในการรักษาการใส่แร่แบบสามมิติ สำหรับมะเร็งปากมดลูก และโรคมะเร็งต่างๆ

7. เหตุการณ์ไหนที่ทำให้เรารู้สึกนับถือตัวเอง
เคยมีครั้งนึงที่เราเจอคนไข้วัยรุ่นที่อายุน้อยราวประมาณยี่สิบต้นๆ เป็นมะเร็งชนิดร้ายแรง ตอนนั้นทั้งเขาและครอบครัวก็รู้สึกเศร้า เสียใจ ไม่รู้ว่าชีวิตต้องดำเนินไปเช่นไร ก็รักษาอยู่หลายปีจากนั่งรถเข็นจนกระทั่งเขากลับมาเดินได้ จากนั้นประมาณ 5 – 6 ปี ต่อมา เขากลับมาหาเราแล้วยื่นการ์ดเชิญแต่งงานให้ นั่นเป็นความรู้สึกประทับใจที่ทำให้เรารู้สึกว่า เราทำให้คนหนึ่งคนที่เคยหมดความหวังในชีวิต ท้อแท้ สิ้นหวังกลับมามีความหวังในชีวิตอีกครั้งนึง และดำเนินชีวิตไปต่อได้อย่างสวยงาม

8. ในวันที่ท้อแท้ สิ้นหวัง มีสารเติมพลังอะไรให้ตัวเอง
1.คุณแม่จะเติมพลังให้เสมอ ประโยคนึงที่คุณแม่จะพูดเสมอว่า “พักผ่อนบ้างนะลูก คิดถึง เป็นห่วง” ก็จะเติมพลังให้เราเสมอว่า ยังมีคนที่เขาเป็นห่วงเรา รักเรา ทุกเวลาเสมอ 2.คนไข้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้ไปตรวจคนไข้ เรามักได้พบกับความสุข บางครั้งทำงานเยอะๆ ก็มีความเครียด กังวล เมื่อไหร่ที่เข้าห้องตรวจคนไข้มักจะถามเสมอว่า ทำไมเสียงหัวเราะของคุณหมอถึงดังออกไปถึงข้างนอก (หัวเราะ) ผมมักจะวางความเครียดนั้นลง เพราะเรารู้ว่า คนไข้เขามาด้วยความทุกข์อยู่แล้ว เราจะไม่เอาความเครียดนั้นใส่ไปให้เขาอีก เราต้องมอบความสุขให้เขากลับไปก่อนที่เขาจะออกจากห้องตรวจเสมอ เสร็จจากการตรวจเราก็กลับมาทำงานต่อ และอีกหนึ่งพลังก็คือ การได้คุยกับน้องนักศึกษาแพทย์ Gen รุ่นใหม่ๆ ซึ่งก็เป็นพลังบวกให้เรารู้ว่า ยังมีคนรุ่นใหม่ ช่วยกันสานต่อผลักดันสังคม ประเทศชาติและโลกใบนี้ให้น่าอยู่มากขึ้น

9. ถอดบทเรียน เติมเต็มการทำงานเป็นทีม
การสร้างทีมไม่ง่าย แต่ทำได้ ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีศักยภาพของตัวเองที่สามารถช่วยกันขับเคลื่อนได้ แต่ละคนอาจมีความถนัดไม่เหมือนกัน หรือมีบทบาทแตกต่างกัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารวมทีมแล้วสร้างความถนัดและผลักดัน ผมเชื่อว่า เราจะทำให้ศิริราช สังคมและประเทศ เดินหรือขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างมีความหวังและมีความสุข เพียงแค่ได้พูดคุยกัน ช่วยกันวางแผนและมีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งบางครั้งอาจจะพลาดตรงที่เป้าหมายยังไม่ชัด ซึ่งผมคิดว่าส่วนนี้เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เราสร้างทีมเวิร์คที่ดี

10. หากมีพลังวิเศษอยากเสกอะไร
อยากเสกให้ทุกคนทำงานร่วมกันเป็นทีม ทำให้งานทุกอย่างสำเร็จและไม่มีความขัดแย้ง

11. โปรเจคต์ที่กำลังจะเกิดขึ้น
สร้างศูนย์รังสีรักษาให้เป็นศูนย์กลางของการ Training เป็นแหล่งการเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ซึ่งกันและกัน เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ Research International Hub ในทุกๆการรักษาโรคมะเร็งเพื่อที่จะพัฒนาการรักษา โรคมะเร็งด้วยเทคนิครังสีรักษาอย่างดีที่สุดและให้เจริญก้าวหน้า เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีในการศึกษาดูงานในทวีปเอเชียที่น่าจะตอบโจทย์ที่สุดทั้งในทางกายภาพและลักษณะทางสังคมที่มีความคล้ายคลึงกัน

12. ฝากถึงคนที่กำลังหมดไฟ
ความสำคัญของการทำงาน คือความสุข ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ผมเชื่อว่า ทุกคนมีความสุขหรือมีเป้าหมายชีวิตอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ดึงพลังตรงส่วนนั้นออกมา ทุกคนสามารถทำมันได้ ส่วนจะทำได้ถึงระดับไหน แค่ไหน มีส่วนงานที่สามารถสนับสนุนช่วยเหลือให้ประสบความสำเร็จได้ อย่าคิดว่า เราอยู่ตัวคนเดียว ทุกส่วนงานต้องผ่านการเรียนรู้ คำปรึกษา เปิดใจรับฟังความคิดเห็นของทุกคน และสร้างความแข็งแกร่งของแต่ละทีมทำให้เกิดความสุขว่าเราไม่ได้ทำงานอยู่คนเดียว เรามีคนซัปพอร์ตและทำให้เราไปสู่จุดหมายที่ประสบความสำเร็จได้