การตัดเก็บชิ้นเนื้อปอด (Lung biopsy)…

เพื่อหาคำตอบ สู่การรักษาที่ถูกต้อง

สวัสดีครับ ผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เราจะมาทำความรู้จักวิธีการตัดเก็บชิ้นเนื้อปอด หรือ Lung biopsy ซึ่งเป็นหัตถการสำคัญ เพื่อนำไปสู่การวินิจฉัย รวมถึงวางแผนการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับปอด เช่น มะเร็งปอด วัณโรคปอด เป็นต้น

อ.นพ.ชินพัฒน์ เลาหชาญวนิชย์
ศูนย์รังสีร่วมรักษาศิริราช ภาควิชารังสีวิทยา
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล

ทำไมต้องตัดเก็บชิ้นเนื้อปอด?

ผู้ป่วยที่ถูกส่งมาพบแพทย์เพื่อขอรับการตัดเก็บชิ้นเนื้อปอดมักมีประวัติตรวจพบความผิดปกติของปอดจากภาพถ่ายรังสีทรวงอก (Chest X-ray) หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) โดยอาจพบลักษณะความผิดปกติเป็นจุด (Nodule) รอยฝ้า (Opacity, infiltration) หรือก้อน (Mass) ที่ปอด (ภาพ 1) ซึ่งเมื่อพบความผิดปกติข้างต้นแล้ว แพทย์ผู้ดูแลผู้ป่วยจะพิจารณาส่งตรวจชิ้นเนื้อในบริเวณที่พบความผิดปกติเพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องและแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ตรวจพบลักษณะก้อนที่ปอด ทั้งนี้เพื่อแยกระหว่างก้อนเนื้อมะเร็ง และก้อนเนื้อธรรมดา อันจะนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้องของผู้ป่วยต่อไป

ภาพ 1 ก้อนในปอดข้างซ้าย อยู่ชิดขอบเยื่อหุ้มหัวใจ

ภาพ 2 แพทย์แทงเข็มผ่านก้อนเนื้องอก โดยใช้ภาพ CT scan ช่วยนำทาง ให้แม่นยำ และปลอดภัย

ทำไมต้องตัดเก็บชิ้นเนื้อปอดโดยใช้ภาพ CT scan นำทาง (Why CT guided biopsy?)

ในอดีตการตัดเก็บชิ้นเนื้อปอดนิยมทำผ่านการส่องกล้องหลอดลม (ฺBronchoscopic biopsy) อย่างไรก็ตาม วิธีดังกล่าวยังมีข้อจำกัดในหลายประการ เช่น ขนาดรอยโรคที่เล็กเกินไป หรือตำแหน่งของรอยโรคที่อยู่ห่างจากทางเดินหลอดลมมาก ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงเพื่อเก็บชิ้นเนื้อได้อย่างเหมาะสม หรือได้ชิ้นเนื้อในปริมาณที่ไม่เพียงพอสำหรับการตรวจวิเคราะห์เพิ่มเติม เช่น การตรวจทางอณูพันธุศาสตร์ (Molecular Testing) เพื่อเลือกใช้การรักษาแบบจำเพาะต่อผู้ป่วยมะเร็งปอด ในปัจจุบัน จึงมีการพัฒนาวิธีการตัดเก็บชิ้นเนื้อปอดให้มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยการนำทางด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT-guided lung biopsy) ซึ่งช่วยให้สามารถเข้าถึงรอยโรคที่มีขนาดเล็กหรืออยู่ในตำแหน่งที่ห่างจากหลอดลมได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ส่งผลให้ได้ชิ้นเนื้อที่มีคุณภาพและเพียงพอสำหรับการวินิจฉัยและการตรวจเพิ่มเติมที่จำเป็นต่อการวางแผนการรักษา

CT guided lung biopsy ทำอย่างไร

การตัดเก็บชิ้นเนื้อปอดด้วยวิธีนี้จะทำโดยแพทย์รังสีร่วมรักษา (Interventional Radiologist, IR) ซึ่งจะอาศัยภาพ CT scan นำทางและระบุตำแหน่งของรอยโรคที่ต้องการเก็บตัวอย่าง ภายหลังจากการระบุตำแหน่งแล้ว จะเตรียมผิวหนังผู้ป่วยด้วยการทำความสะอาดแบบปราศจากเชื้อ และให้ยาชาเฉพาะที่ จากนั้นแพทย์จะสอดเข็มขนาดเล็ก (ภาพ 2) ผ่านผิวหนังเข้าสู่รอยโรคภายในปอดโดยจะทำ CT scan เป็นระยะ และเมื่อเข็มอยู่ที่รอยโรคแล้วจึงจะทำการตัดและเก็บชิ้นเนื้อออกมา (ภาพ 3)

ภาพ 3 ตัวอย่างเข็มที่ใช้เจาะตรวจชิ้นเนื้อ

ประโยชน์และความสำคัญของการตัดเก็บชิ้นเนื้อปอด

วินิจฉัยโรคอย่างแม่นยำ: การตรวจชิ้นเนื้อปอดโดยตรงถือเป็นวิธีมาตรฐานที่มีความน่าเชื่อถือสูงในการยืนยันการวินิจฉัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่สงสัยมะเร็งปอด การวิเคราะห์ทางพยาธิวิทยาจากชิ้นเนื้อสามารถระบุชนิดและชนิดย่อย (Histological subtype) ของมะเร็งได้อย่างถูกต้อง

วางแผนการรักษาที่ตรงจุด: ข้อมูลจากการตรวจชิ้นเนื้อช่วยเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัด เคมีบำบัด รังสีรักษา หรือการรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted therapy) ทั้งนี้ การรักษาแบบมุ่งเป้าสามารถดำเนินการได้ก็ต่อเมื่อมีข้อมูลจากการตรวจวิเคราะห์ทางอณูพันธุศาสตร์ของชิ้นเนื้อแล้ว

เพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาด: การวินิจฉัยที่แม่นยำตั้งแต่ต้น จะนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสม

ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อนที่ต้องระวัง

ภาวะปอดรั่ว (Pneumothorax): เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยสุด แต่ไม่อันตราย ส่วนใหญ่หายได้เอง พบอัตราการเกิดประมาณร้อยละ 17-26 แต่หากพบลมรั่วปริมาณมากสามารถรักษาด้วยการใส่สายระบายลมรั่ว

ภาวะลมรั่วเข้ากระแสเลือด (Air embolism): เป็นภาวะอันตราย แต่โอกาสเกิดน้อย และคาดเดาได้ยาก พบได้ร้อยละ 0.01

ในปัจจุบันการตัดเก็บชิ้นเนื้อปอดเป็นหัตถการที่มีความแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งการตรวจชิ้นเนื้อปอดถือเป็นก้าวแรก ที่สำคัญอันจะนำไปสู่การวางแผนการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อผลลัพธ์ของการรักษาที่ดีครับ