การดูแลรักษาผู้ป่วยปากแหว่งเพดานโหว่
(Cleft lip and Cleft palate)

นางฐิตาภา ไกรสุต
ศูนย์ความเป็นเลิศแก้ไขความพิการกะโหลกศีรษะและใบหน้า ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

ภาวะปากแหว่งเพดานโหว่เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งในกลุ่มความผิดปกติของใบหน้าและกะโหลกศีรษะ สาเหตุเกิดจากความล้มเหลวในการเชื่อมต่อของเนื้อเยื่อระหว่างการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ภาวะนี้ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทางร่างกาย การกิน การพูด การได้ยิน และการพัฒนาทางสังคมของเด็ก หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมตั้งแต่ระยะแรก เช่น การผ่าตัดแก้ไข การบำบัดการพูด และการดูแลสุขภาพช่องปาก อาจส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของเด็กในระยะยาว

ภาพผลงานก่อนและหลังผ่าตัด ได้รับความอนุเคราะห์จาก อ.นพ.พีรศักดิ์ ฉอตระการกิจ

แนวทางการดูแลรักษาที่เหมาะสม

• การวางแผนการรักษาแบบสหวิชาชีพ (Multidisciplinary Team Care) ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะเกิดขึ้นเมื่อมีทีมสหวิชาชีพ ประกอบด้วย ศัลยแพทย์ตกแต่ง กุมารแพทย์ เวชศาสตร์ฟื้นฟูเด็กทันตแพทย์ แพทย์หูคอ จมูก นักแก้ไขการพูด พยาบาล ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ และนักสังคมสงเคราะห์ ร่วมกันวางแผนการดูแลรักษาอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยเจริญเติบโต

• การผ่าตัดแก้ไขความผิดปกติในระยะเวลาที่เหมาะสม โดยทั่วไป การผ่าตัดปากแหว่งจะทำเมื่ออายุประมาณ 3-6 เดือนในการผ่าตัดริมฝีปากครั้งแรกทางแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งจะผ่าตัดเย็บริมฝีปาก (Cheiloplasty) ร่วมกับแก้ไขจมูก (Primary Rhinoplasty) ไปพร้อมกัน เพื่อปรับฐานจมูกไม่ให้ล้ม และรูจมูกให้มีความใกล้เคียงกัน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้หลังการผ่าตัด ออกมาสวยงาม และเป็นที่พึงพอใจต่อผู้ปกครองเด็ก และเพดานโหว่จะผ่าตัดเมื่ออายุประมาณ 9 – 12 เดือน เพื่อให้เกิดพัฒนาการด้านการพูด
และการได้ยินที่ดี ลดความเสี่ยงของการติดเชื้อทางเดินหายใจและหูชั้นกลาง

• การติดตามและแก้ไขปัญหาด้านการพูดและการได้ยิน หลังผ่าตัด เด็กจำเป็นต้องได้รับการดูแลเรื่องการพูดโดยนักแก้ไขการพูด เพื่อพัฒนาเสียงพูดให้ชัดเจน นอกจากนี้ควรได้รับการตรวจติดตามการได้ยินอย่างต่อเนื่องเพราะเด็กกลุ่มนี้มีโอกาสเกิดหูน้ำหนวกและการติดเชื้อหูชั้นกลางได้บ่อย

• การดูแลสุขภาพช่องปากและทันตกรรมจัดฟัน เด็กที่มีปากแหว่งเพดานโหว่เมื่อแรกเกิด จะส่งทันตกรรมเพื่อทำNAM และติดพลาสเตอร์ระหว่างรอยแยกของปากไม่ให้กว้างขึ้น เพื่อเวลาผ่าตัดเย็บริมฝีปากจะได้สวยงาม และคอยติดตามช่องปากเป็นระยะ อาจมีความผิดปกติของฟัน ต้องได้รับการดูแลจากทันตแพทย์เพื่อป้องกันฟันผุและจัดฟันเมื่อถึงวัยเหมาะสม เพื่อให้การสบฟันและรูปร่างใบหน้าสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

• การดูแลด้านโภชนาการและจิตใจ ครอบครัวควรได้รับคำแนะนำเรื่องการให้อาหารและโภชนาการที่เหมาะสมเพื่อให้เด็กเจริญเติบโตตามวัย รวมทั้งควรได้รับการสนับสนุนทางจิตใจเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและทักษะทางสังคมของเด็ก

สรุป

การดูแลและรักษาเด็กปากแหว่งเพดานโหว่อย่างต่อเนื่องและรอบด้านโดยอาศัยทีมสหวิชาชีพและการติดตามผลอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่วัยแรกเกิดจนถึงวัยรุ่น จะช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาได้เต็มศักยภาพ มีการพูดที่ชัดเจน ใบหน้าและรอยยิ้มที่สวยงาม และสามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมั่นใจ

โรงพยาบาลศิริราช เข้าร่วมในโครงการ “ยิ้มสวย เสียงใส” ร่วมกับ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยมีศูนย์ความเป็นเลิศแก้ไขความพิการกะโหลกศีรษะและใบหน้า คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล (Siriraj Craniofacial Center) ของสาขาวิชาศัลยศาสตร์ ตกแต่ง ภาควิชาศัลยศาสตร์ ดูแลร่วมกับทีมสหสาขาวิชาชีพซึ่งประเมินและคัดกรองเด็กที่มี ภาวะปากแหว่ง–เพดานโหว่ ลงทะเบียนผู้ป่วยที่มีภาวะปากแหว่งเพดานโหว่ ที่ใช้สิทธิ์บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า เข้าสู่โครงการ ก่อนส่งเข้าสู่การรักษาอย่างครบวงจรภายใต้โครงการนี้

การรักษาในโครงการรวมถึงการผ่าตัด การจัดฟัน และการฝึกพูด ซึ่งสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณฐิตาภา ไกรสุต และคุณประภัสสร ทวีท้าว ผู้ประสานงานศูนย์Siriraj Carniofacial Center โทร 02-419-8002