PMOE (Practical Management of Obstetrics Emergency)
สถานีการเรียนรู้ภาวะฉุกเฉินทางสูติกรรมผ่านหุ่นหรือสถานการณ์จำลอง ที่นักศึกษาแพทย์ประทับใจไม่เคยลืม
ผศ.พญ.เพียงบุหลัน ยาปาน
ประธานรายวิชาสูตินรีเวชวิทยา ชั้นปีที่ 6
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
ภาวะฉุกเฉินทางสูติกรรม แค่ได้ยินคำนี้ “หมอจบใหม่ใครๆ ก็กลัว ไม่อยากเจอเคส ไม่อยากดูแล เสี่ยงต่อการฟ้องร้องสูง” ประโยคนี้ยังคงดังอยู่ในหัวของดิฉันเสมอมา ตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว ที่เป็นอาจารย์สูตินรีเวชจบใหม่ แม้แต่เราเองที่เป็นอาจารย์ยังกลัวเลย แล้วนักศึกษาแพทย์ที่จบใหม่ จะไม่ยิ่งกลัวไปกว่าเราเหรอ แต่แล้วหนทางสว่างก็ได้เกิดขึ้น ศาสตราจารย์ คลินิกเกียรติคุณ นพ.วิทยา ถิฐาพันธ์ อดีตประธานราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย ซึ่งในขณะนั้นอาจารย์ดำรงตำแหน่งเป็น รศ.นพ. ประจำภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา ร่วมกับ รศ.นพ.ตรีภพ เลิศบรรณพงษ์ รองคณบดีฝ่ายการศึกษาก่อนปริญญา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ซึ่งในขณะนั้นอาจารย์ดำรงตำแหน่งเป็น ผศ.นพ. ประจำภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยา ร่วมกันจัดตั้ง สถานีการเรียนรู้ภาวะฉุกเฉินทางสูติกรรมผ่านหุ่นหรือสถานการณ์จำลอง หรือ PMOE (Practical Management of Obstetrics Emergency) เพื่อมาลบภาพความกลัวทั้งหมดให้กับแพทย์จบใหม่
อาจารย์ทั้งสองท่านกล่าวกับดิฉันว่า “มีเคสฟ้องร้องเยอะมาก ว่าแพทย์จบใหม่ไม่สามารถจัดการกับภาวะฉุกเฉินทางสูติกรรมได้ และโรงพยาบาลที่แพทย์จบใหม่ออกไปใช้ทุน ก็สะท้อนมาถึงโรงเรียนแพทย์ว่า เราจะไม่พัฒนาปรับปรุงการเรียนการสอนบ้างหรือ จะปล่อยให้คนไทยต้องได้รับการดูแลรักษาแบบถูกๆ ผิดๆ แบบนี้หรือ ถึงเวลาแล้วล่ะ ที่เราต้องติดอาวุธให้กับลูก ๆ ของเราที่จบไป” นั่นคือจุดเริ่มต้นของ PMOE ที่ท่านอาจารย์ทั้งสองเป็นผู้คิดริเริ่ม และลงมือทำให้สถานีการเรียนรู้นี้เกิดขึ้นจริง ทำได้จริง เพื่อลูกศิษย์ของเรา
ภาวะฉุกเฉินทางสูติกรรม
ภาวะฉุกเฉินทางสูติกรรม ได้แก่ การคลอดติดไหล่ (shoulder dystocia), การคลอดท่าก้น (breech assisting delivery), การล้วงรก (manual removal of placenta), การคลอดด้วยวิธีดูดสุญญากาศหรือใช้คีมคีบ (vacuum or forceps extraction), ภาวะสายสะดือย้อย (prolapsed cord), ภาวะชักจากครรภ์เป็นพิษ (eclampsia) และภาวะตกเลือดหลังคลอด (postpartum hemorrhage) ล้วนแต่เป็นภาวะที่น่ากลัวทั้งสิ้น หากดูแลรักษาไม่ถูกวิธี ก็จะพบกับความสูญเสียได้ทั้งมารดาและทารกในครรภ์ และที่สำคัญไปกว่านั้น ล้วนแต่เป็นภาวะที่พบไม่บ่อย แพทย์จบใหม่อาจจะไม่เคยเจอโรคเหล่านี้ในโรงเรียนแพทย์เลย
ข้อดีและข้อเสียของการจัดสถานีการเรียนรู้ภาวะฉุกเฉินทางสูติกรรมผ่านหุ่นหรือสถานการณ์จำลอง
เนื่องจากภาวะฉุกเฉินทางสูติกรรม เป็นภาวะที่พบไม่บ่อย แต่สำคัญถึงชีวิตหากรักษาได้ไม่ถูกต้อง การเรียนการสอนด้วยหุ่นหรือสถานการณ์จำลอง (simulation-based learning) น่าจะมาทดแทนการเรียนกับผู้ป่วยจริงได้ดีที่สุด นักศึกษาแพทย์สามารถฝึกทำหัตถการหรือการดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้โดยไม่ทำให้ผู้ป่วยจริงตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้เรียนสามารถฝึกซ้ำได้หลายครั้งจนชำนาญ ก่อนที่จะนำทักษะไปใช้กับผู้ป่วยจริง ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความมั่นใจในการทำงาน อาจารย์สามารถให้ข้อมูลป้อนกลับที่ชัดเจน ทำให้ผู้เรียนรู้ข้อผิดพลาดและปรับปรุงได้ทันที นอกจากนี้ยังฝึกการสื่อสาร การประสานงาน และการตัดสินใจร่วมกันในทีม ซึ่งจำเป็นต่อการดูแลผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ ความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจริงก็จะน้อยลง ทำให้การดูแลผู้ป่วยมีคุณภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น
ในทางตรงกันข้าม การเรียนรูปแบบนี้ อาจต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง เช่น หุ่นจำลองขั้นสูง ห้องเรียนขนาดใหญ่ และถึงแม้สถานการณ์จะใกล้เคียงกับความจริง แต่ Simulation ยังไม่สามารถแทนสถานการณ์จริงได้ 100% โดยเฉพาะด้านอารมณ์ ความกดดัน หรือปัจจัยแวดล้อมที่ซับซ้อน ต้องใช้ร่วมกับการเรียนรู้จากสถานการณ์จริง การฝึกภาคสนาม และการสะสมประสบการณ์จริง เพื่อให้เกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
การสนับสนุนจากภาควิชา
การเรียนการสอน PMOE จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากไม่มีอาจารย์ในภาควิชาที่หมุนเวียนมาสอนหัตถการต่างๆ ให้กับนักศึกษาแพทย์ทุกคนอย่างทั่วถึงในแต่ละปี เจ้าหน้าที่ทางการศึกษาที่จัดอุปกรณ์ ดูแลหุ่นจำลองและจัดสถานที่ในการเรียนการสอน ภาควิชายังสนับสนุนให้สร้างหุ่นจำลองขึ้นมาใช้เอง โดยร่วมผลิตกับทางสถานเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อมาทดแทนหุ่นจำลองที่มีราคาสูง ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายของคณะแพทย์ฯ เป็นอย่างมาก และนอกจากจะเปิดสอน PMOE ให้กับนักศึกษาแพทย์และแพทย์ประจำบ้านแล้ว ยังจัดการเรียนการสอนให้แก่บุคลากรทางการแพทย์จากสถาบันอื่นด้วย เพื่อให้นำความรู้ความเข้าใจของการเรียนการสอนรูปแบบนี้ ไปพัฒนาการเรียนรู้ของนักศึกษาในสถาบันของตนเอง อันจะส่งผลดีต่อการดูแลผู้ป่วยจริงต่อไป