
สรุปบทเรียนงาน Siriraj Innovation Fair 2025
เรื่อง “Story Telling (Part I) AI in CXR, sPACE, Autologous Fibroblast”
วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11.00-12.00 น.
ณ ห้องประชุมพิณพากย์พิทยาเภก ตึก 72 ปี
วิทยากร
รศ. นพ.ตรงธรรม ทองดี หัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา
รศ. พญ.กุลภา ศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร
ศ. ดร. พญ.อุไรพรรณ พานิช หัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยา
ดำเนินการอภิปราย โดย
คุณกฤษกุล อภิวัฒนาภรณ์ รองผู้อำนวยการศูนย์ขับเคลื่อนงานนวัตกรรมเพื่อความเป็นเลิศ
รศ. นพ.ตรงธรรม ทองดี หัวหน้าภาควิชารังสีวิทยา พูดถึงนวัตกรรม AI in Chest X-Ray ว่าเกิดจากการที่ปัจจุบันมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่จำนวนรังสีแพทย์ที่ให้บริการไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วย รวมถึงมีสถิติผู้ป่วยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเป็นจำนวนมาก จึงมีการนำเทคโนโลยีมาช่วยให้รังสีแพทย์สามารถทำงานได้เร็วมากขึ้น เพราะปัจจุบันเทคโนโลยี AI มีความก้าวหน้ามาก และสามารถใช้ช่วยดูความผิดปกติ ดูพยาธิสภาพของปอดได้หลายอย่าง ได้ภายในเวลา 30 วินาที ศิริราชจึงนำเทคโนโลยีนี้มาทดลองช่วยรังสีแพทย์ในการดูภาพรังสีทรวงอก ช่วยลดภาระรังสีแพทย์ และมีความแม่นยำถึง 90% โดยไม่ได้ใช้แค่เทคโนโลยีเดียว และทดลองแบบอื่น ๆ ร่วมด้วย เปรียบเทียบผลลัพธ์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พบว่าเป็นเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนคนไทยในระยะยาว
การพัฒนา AI ต้องใช้ฐานข้อมูลผู้ป่วยจำนวนมาก เพื่อให้ AI มีประสิทธิภาพสูง สำหรับการพัฒนาในประเทศ ใช้ฐานข้อมูลของคนไทย เพราะเรามีฐานข้อมูลที่เหมาะกับคนไทยมากกว่าการใช้ฐานข้อมูลของต่างประเทศ หลังจากมีการพัฒนาโปรแกรม จนกระทั่งเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาแล้ว มีการประชาสัมพันธ์ และจัดอบรมให้ผู้ใช้เข้าใจกระบวนการทำงาน เห็นประโยชน์ของนวัตกรรม และนำไปใช้จริง
อาจารย์กล่าวว่า การจะพัฒนานวัตกรรมจากการทำงานจนกระทั่งประสบความสำเร็จได้นั้น ต้องรู้จุดแข็งของตนเอง อย่างเช่นภาควิชารังสีมีจุดแข็งคือ ฐานข้อมูลภาพ X-Ray ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถนำมาพัฒนาเทคโนโลยีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ การจัดกิจกรรมอบรม ทำให้เกิดการนำไปใช้ บอกต่อ และพัฒนาต่อไป นอกจากนี้พาร์ทเนอร์ที่ร่วมมือกัน ต้องมีความตั้งใจ มีเป้าหมายร่วมกัน ได้ประโยชน์ร่วมกัน จึงจะสามารถพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับเรื่อง Autologous Fibroblast ศ. ดร. พญ.อุไรพรรณ พานิช หัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยา เล่าว่า การจะเริ่มทำนวัตกรรมต้องเริ่มจาก ต้องรู้ว่าใครที่จะใช้นวัตกรรมนี้ และเอาไปใช้อย่างไร อาจารย์ให้หลักการทำงานเป็น 3P ได้แก่ Partnership, Perseverance, Empower คือต้องมีความร่วมมือที่ดี มีความตั้งใจ ความไว้ใจ เป็นนวัตกรรมที่เกิดขึ้นจากการทำงาน และเห็นปัญหา โดยพบว่า การฉีด Filler ให้กับผู้ป่วย มีข้อเสียคือมีราคาแพง เสื่อมสภาพได้เร็ว และสามารถเกิด Adverse Effect จากการที่แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญได้ จึงมีการสร้างนวัตกรรมจากการเลี้ยงเซลล์ผิว หรือ Autologous Fibroblast โดยการตัดหนังหู ไปเลี้ยงเซลล์ เพื่อทำ Cell Therapy จากนั้นส่งไปทดสอบกับภาคจุลชีววิทยา เพื่อความปลอดภัย และสามารถนำไปใช้กับผู้ป่วยได้จริง โดยใช้เวลากว่า 5 ปี เริ่มแรกสิ่งที่ยากคือการก้าวออกจาก Comfort zone ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ การที่นวัตกรรมจะสำเร็จจนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ได้นั้น การมี Connection สำคัญมาก ต้องมีการพูดคุยกัน ไว้วางใจกัน ซื่อสัตย์ต่อกัน ทำงานกันเป็นสหสาขาวิชาชีพ
สุดท้ายอาจารย์ให้ข้อคิดเรื่องการพัฒนานวัตกรรมว่า ต้องมี Good resource จึงจะมี Good Innovation ต้องปรึกษาผู้ที่มีความรู้ รู้จริง มีความถ่อมตัว จึงจะก้าวสู่ความเป็นเลิศได้ ในระหว่างทางต้องปรับปรุงพัฒนาการทำงานไปด้วย นำ Pain Point มาพัฒนา จนกระทั่งได้นวัตกรรมที่ตอบโจทย์คนใช้งานจริงได้
รศ. พญ.กุลภา ศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร เล่าเกี่ยวกับนวัตกรรม sPACE ว่า เป็นอุปกรณ์ขาเทียม เท้าเทียม ที่เกิดจากปัญหาคนไทยที่มีความพิการ และต้องใช้ขาเทียม ซึ่งมีข้อจำกัดในการทำกิจกรรมต่าง ๆ เพราะขาเทียมที่มีคุณภาพ และตอบโจทย์การใช้งานจริงนั้นมีราคาสูง ดังนั้นจึงมีการพัฒนาการเคลื่อนไหวของผู้ใช้ขาเทียมในประเทศไทย ให้สามารถทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้น เช่น การเล่นกีฬาต่าง ๆ ซึ่งโปรเจคนี้เริ่มจากโปรเจคของนักศึกษา โดยโรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธรร่วมกับศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านกายอุปกรณ์และสิ่งปลูกฝังทางออร์โธปิดิกส์ ภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และพัฒนามาเรื่อย ๆ โดยเป็นเท้าเทียมที่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งมีความแข็งแรง ทนทานสูง และมีน้ำหนักเบา โดยออกแบบให้โครงสร้างสะสมแรงกด เมื่อเดินลงน้ำหนัก จากนั้นปลดปล่อยพลังงานออกมาเป็นแรงส่งช่วยให้ก้าวเท้าไปข้างหน้าได้ง่ายและคล่องแคล่วมากขึ้น ซึ่งนวัตกรรมนี้ผ่านการทดสอบเชิงกล ตามมาตรฐาน ISO และผ่านการทบสอบเชิงคลินิกโดยโรงเรียนกายอุปกรณ์สิรินธร คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ปัจจุบันนวัตกรรม sPACE ถูกบรรจุในบัญชีนวัตกรรมไทย ซี่งเป็นสิทธิประโยชน์บัตรทอง (30 บาท) อาจารย์เล่าว่า กว่าจะออกมาเป็นนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง ผ่านมาตรฐานต่าง ๆ นั้น ผ่านการลองผิดลองถูกมามากมายหลายกระบวนการ ต้องอาศัยความอดทน และการมีพาร์ทเนอร์ของการทำงานที่ดีมีความตั้งใจเดียวกัน มีผลประโยชน์ร่วมกัน รวมถึงได้รับการสนับสนุนให้เกิดความต่อเนื่อง วางแผน ศึกษาข้อกำหนดต่าง ๆ ให้ดี สิ่งที่ทำได้ หรือไม่ได้ ศึกษาความต้องการของตลาดและสังคม เพราะจะทำให้นวัตกรรมของเราเกิด Impact คุ้มค่า และคุ้มทุน
สุดท้าย คุณกฤษกุล อภิวัฒนาภรณ์ สรุปว่าการที่จะทำให้นวัตกรรมเกิดความสำเร็จได้คือ ต้องหาจุดแข็งของตนเองให้เจอ เชื่อมโยงผู้เชี่ยวชาญ พูดคุยกับพาร์ทเนอร์อย่างสม่ำเสมอ มีทีมที่ดี และมีตลาดที่ต้องการนำ Innovation ของเราไปใช้
ผู้บันทึกบทเรียน นางสาวกิตติยาภรณ์ เติมกระโทก
ผู้ตรวจทานบทเรียน นายเอกกนก พนาดำรง
ดาวน์โหลดบทความได้ที่ Story Telling (Part I) AI in CXR, sPACE, Autologous Fibroblast