
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมีวิสัยทัศน์เป็น “สถาบันการแพทย์ของแผ่นดิน ที่สร้างองค์ความรู้และบริการอันเป็นประโยชน์ต่อระบบสุขภาพระดับโลก” โดยมีพันธกิจหลัก 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านวิจัยและสร้างนวัตกรรม และด้านการบริการทางการแพทย์ โดยพันธกิจด้านการบริการทางการแพทย์มุ่งหวังให้บริการทางการแพทย์และการสร้างเสริมสุขภาวะโดยเน้นระดับตติยภูมิ เพื่อเป็นต้นแบบของระบบบริการสุขภาพ ให้การดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีโรคซับซ้อนโดยสหสาขาวิชาชีพ โดยมีกระบวนการดูแลรักษาที่เป็นไปตามมาตรฐานโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ (HA) และมีการนำกระบวนการ/ประยุกต์ใช้เครื่องมือคุณภาพในการพัฒนากระบวนการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง หนึ่งในเครื่องมือสำคัญคือ “การตามรอยทางคลินิก (Clinical Tracer)” ซึ่งมีการพัฒนาต่อยอดเป็น Siriraj Clinical Tracer Plus (SiCT Plus) ตั้งแต่ปี 2554
SiCT Plus เป็นเครื่องมือในการตามรอยกระบวนการดูแลผู้ป่วยกลุ่มเฉพาะโรค/ระบบ (Specific disease) ที่ซับซ้อนในทุกภาควิชาทางคลินิก มีรากฐานจากหลักการการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง (Continuous Quality Improvement: CQI) และนำมาประยุกต์ใช้ เพื่อปรับปรุงคุณภาพการดูแลผู้ป่วยผ่านการวิเคราะห์และติดตามกระบวนการรักษาอย่างเป็นระบบ ติดตามเส้นทางการรักษาของผู้ป่วยตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงระยะฟื้นฟู พร้อมทั้งส่งเสริม การบูรณาการองค์ความรู้ และการทำงานร่วมกันของทีมสหสาขาวิชาชีพ ซึ่งนำไปสู่การเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพ โดยมีการวิเคราะห์และจัดทำแนวทางการดูแลผู้ป่วยอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องร่างกาย จิตใจ การให้ความรู้ รวมทั้งการป้องกันโรค เป็นต้น เกิดการพัฒนาและยกระดับคุณภาพที่ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ มีการเทียบเคียงผลลัพธ์ระดับชาติ/นานาชาติ การพัฒนาบุคลากร และการสร้างองค์ความรู้/งานวิจัย/นวัตกรรม อย่างเป็นสหสาขาวิชาชีพ อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมคุณภาพ วัฒนธรรมความปลอดภัย และวัฒนธรรมการเรียนรู้ในคณะฯ
SiCT Plus มีขั้นตอนกระบวนการพัฒนา ดังนี้
ก่อนการดำเนินการ
- การคัดเลือกกลุ่มโรคหรือหัตถการสำคัญ และการจัดตั้งทีมผู้รับผิดชอบ พิจารณาตามหลัก 4H (high risk, high cost, high volume และ high variation) โดยส่วนงานคัดเลือกกลุ่มโรคหรือหัตถการสำคัญและมีความจำเป็นต้องพัฒนาแนวทางการดูแลรักษา เช่น ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดในหัตถการสำคัญ (เปลี่ยนข้อเข่าเทียม) ผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงกลุ่มโรคเรื้อรัง (เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ) ผู้ป่วยที่ต้องได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ (ปลูกถ่ายตับ) เมื่อกำหนดกลุ่มเป้าหมายเรียบร้อยแล้ว กรอกรายละเอียดในแบบฟอร์ม SiCT+ และส่งเอกสารมายังหน่วยงานบริหารทรัพยากรสุขภาพ
ระยะดำเนินการ
- กำหนดวัตถุประสงค์ และขอบเขตการดำเนินการ (Purpose) งานบริหารทรัพยากรสุขภาพนัดหมายส่วนงานร่วมกับรองคณบดีฝ่ายพัฒนาคุณภาพ และทีมงานพัฒนาคุณภาพ เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน กำหนดบริบท ขอบเขต วัตถุประสงค์ ตลอดจนระบุทีมสหสาขาวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานครอบคลุมกระบวนการดูแลผู้ป่วยในทุกช่วงของการรักษา
- การพัฒนาแนวทางปฏิบัติ (Process) ส่วนงานวิเคราะห์ระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอยู่เดิม เพื่อพิจารณาจุดที่ควรปรับปรุง โดยใช้เครื่องมือ เช่น Clinical Tracer และ Flow เพื่อวิเคราะห์ วางแผน และติดตามกระบวนการรักษาตั้งแต่การวินิจฉัย การรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพ จนถึงการติดตามผลหลังการรักษา ทั้งนี้จะต้องวิเคราะห์ปัจจัยที่อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพของการรักษา เช่น ความล่าช้าในการให้บริการ หรือปัญหาด้านการสื่อสารภายในทีมแพทย์ และพัฒนาแนวทางปฏิบัติใหม่ที่มีมาตรฐาน ครอบคลุมทุกขั้นตอนของกระบวนการดูแลรักษา นอกจากนี้ควรมีการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลในการติดตามข้อมูลของผู้ป่วย เพื่อใช้เป็นแนวทางร่วมกันของบุคลากรทางการแพทย์ จัดทำ Driver Diagram ที่แสดงปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญที่มีผลต่อความสำเร็จของเป้าหมาย สะท้อนภาพรวมการทำงาน แสดงความสัมพันธ์ของระบบงานที่สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับเป้าหมาย และกำหนดจุดสำคัญของกระบวนการ พร้อมทั้งกำหนดเป้าหมาย ตัวชี้วัด (ตามหลัก SMART) ระบุสถาบันเทียบเคียง (Benchmarking) และวางแผนการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ
- การนำไปใช้และติดตามผลลัพธ์ (Performance) นำแนวทางที่พัฒนาขึ้นไปใช้จริงในกระบวนการดูแลรักษาผู้ป่วย พร้อมทั้งเก็บรวบรวมข้อมูลและติดตามผลการดำเนินงานอย่างเป็นระบบ โดยใช้ตัวชี้หลัก (Key Performance Indicators: KPI) และตัววัดกระบวนการ (Process Indicator: PI) เช่น อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อน ระยะเวลาการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล และความพึงพอใจของผู้ป่วย ผลการประเมินดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ในการปรับปรุงแนวทางการดูแลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และอาจนำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์เชิงวิจัยเพื่อพิสูจน์ผลลัพธ์และประสิทธิภาพของแนวทาง โดยหากพบว่ามีผลลัพธ์ที่ดี ก็สามารถต่อยอดเป็นนวัตกรรมใหม่ที่เป็นประโยชน์และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในหน่วยงานหรือองค์กรอื่นได้
หลังดำเนินการ
- การเทียบเคียงผลลัพธ์และการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นอกจากการติดตามแนวโน้มของผลลัพธ์แล้ว ควรมีการเปรียบเทียบผลลัพธ์กับสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ หากผลลัพธ์ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทีมต้องมีการวิเคราะห์กระบวนการและมีการพัฒนาคุณภาพอย่างต่อเนื่อง หากผลลัพธ์มีแนวโน้มที่ดีและเหนือกว่าคู่เทียบ แสดงว่าแนวทางปฏิบัตินั้นมีประสิทธิภาพ หน่วยงานสามารถเป็นต้นแบบ และพิจารณาขอการรับรองเฉพาะโรค/ระบบ (Program and Disease Specific Certification: PDSC) ได้ต่อไป
อ่านบทความเพิ่มเติม การพัฒนา SiCT Plus สู่การรับรองเฉพาะโรค PDSC
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
งานจัดการความรู้ (KM) โทร. 0-2419-9009, 9750
งานพัฒนาคุณภาพ (QD) โทร. 0-2419-8764, 8776
งานบริหารทรัพยากรสุขภาพ (UM) โทร. 0-2419-8300, 8418